วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2553

วิธีซ่อมคอมพิวเตอร์เบื้องต้น

อาการเสีย ของ mainboard
1. เปิดไม่ติดมีหลายสาเหตุ เปิดไม่ติด เกิดจาก ไม่มีไฟ 5Vsb(สายซัพพลายสีม่วง) ไม่มีไฟ 5V PowerON(สายซัพพลายสีเขียว) วิธีแก้ ลองเปลี่ยนซัพพลาย ใหม่ดูว่าไฟมาหรือเปล่า ถ้ามาก็ ใช้ได้ ถ้าไม่มา แสดงว่า ต้องมี อุปกรณ์ใดๆใน
2. อาการ ดีบัคขึ้น 00 หรือ FF คืออาการไม่บูต บางรุ่นขึ้น D0 อาการดีบัคขึ้น 00 หรือ FF แล้วไม่วิ่งไปใหนเลย มีได้หลายสาเหตุ 2.1 คือ Bios เสีย หรือไฟล์ใน Bios เสียหาย ก็สามารถแฟตไบออส ได้จากเครื่องแฟต หรือ ไม่ก็งัดไบออส จาก บอร์ดรุ่นเดียวกัน มาลองเปลี่ยนดู ถ้าติดปกติ ก็ต้องแฟตไบออสใหม่
2.2 IO เสีย เป็นสาเหตุหนึ่ง ในการ ทำให้ ดีบึคขึ้น 00 หรือ FF ส่วนมาก IO มีหลาย รุ่น แต่ส่วนมากมี 2 ยี่ห้อ คือ WinBond กับ ITE ส่วนมาก IO เสีย หาได้ง่ายๆเพราะ จะร้อนมาก่อนเลย
2.3 อาการ บอร์ด ดีบัคขึ้น D0 ส่วนมาก สาเหตุเป็นเพราะ ระบบ Data หรือ Address ของ North Bridge กับ Socket CPU ขาดหรือไม่ต่อกัน อาการแก้ง่ายๆ โดยการ เปลี่ยน Socket CPU ใหม่
3.อาการระบบ Ram เสีย ง่ายๆมีหลายสาเหตุ เช่น ดีบัคขึ้น C0-C5 D3-D7 E0-ED หรือไม่ก็ 90แล้วดับ เปิดอีกที ติดแต่ค้างที่ AD
4. อาการ ดีบัค ค้างที่ 2A ส่วนมาก จะเป็นอาการของบอร์ด ไม่แสดงผลภาพ หรือ การ์ดจอไม่ทำงาน ให้ลองหา ทรานซิสเตอร์เล็กๆ ข้าง Slot AGP จะมีอยู่ 2 ตัวไว้ ดีเทค ว่ามี VGA เสียบอยู่หรือเปล่า
อาการเสียของ Ram
มีเสียงร้องหลังจากเปิดเครื่องและไม่มีภาพ มีสาเหตุดังนี้ 1. เสียบ RAM ไม่แน่น วิธีแก้ไข : ให้ลองเปิดฝาเครื่องแล้วขยับ RAM ให้แน่น 2. เกิดจากหน้าสัมผัสของ RAM ไม่สะอาด วิธีแก้ไข : เปิดฝาเครื่องออกมาแล้วให้ลองขยับ RAM ให้แน่น ถ้ายังไม่หายให้ลองถอด RAM ออกมาทำความสะอาดหน้าสัมผัส โดยใช้ยางลบดินสอหรือน้ำยา 3. เกิดจากการเสียบ RAM ผิดแถว วิธีแก้ไข : เมนบอร์ดบางรุ่นต้องเสียบ RAM ไล่จากแถวที่ 1 ขึ้นไป ให้ลองนำ RAM มาเสียบที่ Slot ที่ 1 และไล่ลงไปในกรณีที่มี RAM หลายแถว 4. RAM ที่ใส่ไปไม่ตรงกับชนิดที่เมนบอร์ดรับได้ วิธีแก้ไข : ตรวจสอบกับคู่มือเมนบอร์ดว่าเป็นชนิดที่ถูกต้องและขนาดที่ไม่เกินที่เมนบอร์ดกำหนดในแต่ละแถว ถ้าไม่ถูกให้นำ RAM ชนิดที่ถูกต้องมาใส่

อาการเสียของ CPU 
ซีพียูเป็นหัวใจของเครื่องคอมพิวเตอร์ และจัดเป็นอุปกรณ์ที่แพงที่สุดในเครื่องชิปตัวเล็กขายเป็นพันหรือนับหมื่นบาท แล้วก็ตกรุ่นได้เร็วเสียด้วยดังนั้นการใช้ซีพียูต้องระมัดระวัง หากใช้ไม่ดีเครื่องแฮงค์ซ้ำซากคงไม่ต้องทำอะไรต้องมานั่งแก้กันทุกคราวไปในบทนี้ก็คงกล่าวถึงการใช้งานซีพียูให้ถูกต้องและการแก้ปัญหาเบื้องต้นของซีพีย
ซีพียูสมองของเครื่องคอมพิวเตอร์
มาถึงส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งของคอมพิวเตอร์ ซีพียู ย่อมาจากCentral processing unit ซึ่งก็แปลตามตัวว่าหน่วยประมวลผลกลาง เรียกได้ว่าเป็นสมองของคอมพิวเตอร์ก็ว่าได้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องถูกสั่งงานทางซีพียูแทบทั้งสิ้นก็ว่าได้ อีกทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราจะมาประสิทธิภาพดีเพียงใด ราคาสูงเพียงใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับซีพียูเป็นสำคัญอีกส่วนหนึ่งด้วย ซีพียูนั้นเป็นอุปกรณ์ที่เสียค่อนข้างยาก ซึ่งจะสังเกตได้ จากตัวแทนจำหน่ายที่กล้ารับประกันถึงสามปี การรับประกันนี้ไม่รวมกรณีซีพียูไหม้ มีรอยผุพองต่างๆจากความร้อน มีกลิ่นไหม้ หรือในกรณีขาหักได้ core บิ่นหรือแตก สาเหตุหลักที่ทำให้ซีพียูเสียก็คือ การระบายความร้อนไม่ดี และการติดตั้งไม่ถูกต้องเท่านั้น นอกจากนั้นแทบไม่มีปัญหาใดๆทำให้ซีพียูเสียได้ แต่ถ้าซีพียูเกิดเสียขึ้นมาก็ไม่ต้องตกใจ และพยายามหาวิธีซ่อมเพราะซีพียูนั้นถ้าเสียซ่อมไม่ได้ ส่งเคลมอย่างเดียวแต่ก่อนจะส่งให้ตรวจให้เรียบร้อยก่อนไม่ว่าจะเป็นไฟเลี้ยง ค่าความถี่ที่ใช้งานระบบระบายความร้อน เพราะเคลมที เป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนๆ
ถ้า cpu ไม่ติด
เวลาเปิดเครื่อง CPU โดยกดปุ่ม Power แล้ว ไฟ Power ขึ้นสักพักแล้วก็ดับไป ลองแก้ไขโดยเปลี่ยนสายไฟ, ปลั๊กไฟใหม่แล้ว ก็ยังเป็นอยู่

ต้องดึงปลั๊กไฟแล้วเสียบเข้าไปใหม่ แล้วกดปุ่ม Power ใหม่ ทำเป็น 10 กว่าครั้ง เครื่อง CPU จึงติดได้


สมาชิก

1.นางสาวสุภาวดี    ศรีบุญเรือง  พณ 2/12  เลขที่ 26
2.นางสาวอรทัย       ยาวะระ       พณ  2/12  เลขที่ 28



วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

dram

    DRAM    คือ เมโมรี่แบบธรรมดาที่สุด ซึ่งความเร็วขึ้นอยู่กับค่า Access Time หรือเวลาที่ใช้ในการเอาข้อมูลในตำแหน่งที่เราต้องการออกมาให้ มีค่าอยู่ในระดับนาโนวินาที (ns) ยิ่งน้อยยิ่งดี เช่น ชนิด 60 นาโนวินาที เร็วกว่าชนิด 70 นาโนวินาที เป็นต้น รูปร่างของ DRAM เป็น SIMM 8 บิต (Single-in-line Memory Modules) มี 30 ขา DRAM ย่อมาจาก Dynamic Random Access Memory


 
 
เป็นหน่วยความจำที่มีใช้งานอยู่ในเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์มากที่สุด เนื่องจากราคาไม่แพงและมีความจุสูง หน่วยความจำชนิดนี้เก็บข้อมูลเลขฐานสองแต่ละบิตไว้ที่ตัวเก็บประจุ ซึ่งจะมีการคายประจุทำให้ข้อมูลที่เก็บไว้หายไปได้ จึงต้องออกแบบให้มีการย้ำสัญญาณไฟฟ้าหรือที่เรียกว่ารีเฟรช (refresh) ให้ตัวเก็บประจุตลอดเวลา เพื่อให้ข้อมูลที่เก็บภายในยังคงอยู่ตลอดการใช้งาน ซึ่งการรีเฟรชดังกล่าวมีผลให้หน่วยความจำชนิดนี้อ่านและเขียนข้อมูลได้ช้า
ในการเข้าถึงข้อมูลของไดนามิกแรมจะแบ่งเวลาในการเข้าถึงข้อมูลเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงจัดเตรียม (setup time) คือเวลาที่ใช้ในการเตรียมพื้นที่ในแรมให้พร้อมในการรับหรือส่งข้อมูล ภายในแรมแบ่งเป็นตารางที่สามารถระบุเป็นแถว (row) และสดมภ์ (column) แต่ละช่องคือพื้นที่ใช้เก็บข้อมูลแบ่งเป็นตำแหน่งที่อยู่ (address) การจะอ่านหรือเขียนข้อมูล ซีพียูต้องส่งสัญญาณที่ระบุตำแหน่งดังกล่าวไป เพื่อเตรียมการรับหรือส่งข้อมูลของพื้นที่ที่ระบุ สำหรับส่วนที่สองเรียกว่า ช่วงวงรอบการทำงาน (cycle time) คือ เวลาที่ใช้ในการอ่านหรือเขียนข้อมูลในตำแหน่งที่อยู่ที่ระบุส่งกลับมายังซีพียู การอ่านข้อมูลของดีแรมในยุคแรกๆ อ่านข้อมูลทีละ 4 ไบต์ โดยต้องส่งสัญญาณระบุตำแหน่งที่อยู่เป็นแถวและสดมภ์ของแต่ละไบต์ไปยังแรม

                             RAM (Random Access Memory) 
 
คือหน่วยความจำที่มีการเข้าถึงได้ โดยไม่ต้องใส่ลำดับ (Sequential Access) ต้องการข้อมูล ที่ตำแหน่งใดก็ได้ โดยส่ง Address (ตัวเลขระบุตำแหน่ง) ให้กับ RAM Memory Chip ที่ใช้กันในเครื่องพีซีแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่
                1.SRAM(Static RAM)
                2.DRAM(Dynamic RAM)
คุณสมบัติที่แตกต่างกัน ระหว่าง SRAM กับ DRAM คือ SRAM มีราคาสูงกว่า เนื่องจาก SRAM มี ความเร็วสูงกว่า DRAM
การใช้งาน RAM นั้น ต้องมีไฟเลี้ยงตลอดเวลา และนอกจากไฟเลี้ยงแล้ว DRAM ยังต้องการ การ Refresh ข้อมูลเป็นระยะๆ เสมือนการเตือนความทรงจำ ซึ่ง ผิดกับ SRAM ที่ไม่ต้องมีการ Refresh เนื่องจาก DRAM ซึ่งทำมาจาก MOSใช้หลักการ ของตัวเก็บประจุ มาเก็บข้อมูล เมื่อเวลาผ่านไป ประจุจะค่อยๆรั่วออก ทำให้ต้องมีการ Refresh ประจุตลอดเวลาการใช้งาน ส่วน SRAM ซึ่งทำมาจาก Flip-Flop นั้น ไม่จำเป็นต้องมีการ Refresh แต่ SRAM จะกินไฟมากกว่า DRAM อันเนื่องจากการใช้ Flip-Flop นั่นเอง
 
ความเร็วของ RAM คิดกันอย่างไร
ที่ตัว Memorychip จะมี เลขรหัส เช่น HM411000-70 ตัวเลขหลัง (-) คือ ตัวเลขที่บอก ความเร็วของ RAM ตัวเลขนี้ เรียกว่า Accesstime คือ เวลาที่เสียไป ในการที่จะเข้าถึงข้อมูล หรือ เวลาที่แสดงว่า ข้อมูลจะถูก ส่งออกไปทาง Data busได้เร็วแค่ไหน ยิ่ง Access time น้อยๆ แสดงว่า RAM ตัวนั้น เร็วมาก

                                     การเลือกซื้อ RAM ควรจะดูที่อะไรบ้าง

RAM เป็นหน่วยความจำที่สามารถลบ และเขียนใหม่ได้ แต่ไม่สามารถเก็บข้อมูลได้ถ้าไม่มีไฟเลี้ยงให้กับตัวเอง ปัจจุบันที่นิยมใช้กันก็จะเป็นชนิด SDRAM และ DDRAM ซึ่งแต่ก่อนจะมีชนิด EDO ซึ่งปัจจุบันไม่เป็นที่นิยมใช้กันแล้ว และสุดท้ายเป็นชนิด RDRAM หรือที่เรียกกันจนชินว่า Ram bus วิธีการที่จะเลือกซื้อ RAM ในปัจจุบันก็ควรจะเลือกเป็น RAM แบบสองชนิดแรกและความจุไม่ควรต่ำกว่า 256 MB ถ้าจะให้ดีควรจะเป็น DDR ซึ่งมีราคาที่ต่ำลงกว่าแต่ก่อนและคุณต้องทราบด้วยว่า Slot (ช่องเสียบ Ram ) ใน Main Board ว่าซัพพอร์ตกับ Ram ประเภทไหน
 
 


วันพุธที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

tablet PC


Tablet PC



Tablet PC
คือ     เครื่องคอมพิวเตอร์ ที่สามารถใช้ปากกาเขียนลงไปบนหน้าจอ ได้เลยนั่นเอง โดยจะต้องมีซอฟต์แวร์ที่ พัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อใช้ในเครื่อง

ความพยายามครั้งก่อนๆ ของการ พัฒนาเครื่องแบบ Tablet ต้องพบกับ ความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะตัว เครื่องใหญ่เทอะทะเกินกว่าจะพกพาสะดวก ความสามารถจำกัด และรับรู้ลายมือของ คนเขียนได้ไม่ดี แม้เครื่อง Tablet PC ที่ได้ Microsoft มาพัฒนาซอฟต์แวร์ให้เที่ยวนี้ จะปรับปรุงความสามารถในการรับรู้ลายมือ ของเจ้าของ และแปรสิ่งที่เจ้าของจดไว้บน หน้าจอด้วยลายมือให้กลายเป็น text สำหรับเก็บในเครื่องได้ดีขึ้น



iPad คือ Tablet PC ?

เรามาเริ่มกันที่ iPad คือ Tablet PC  ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ทุกคนคงรู้จักกันดี ตอนนี้เราใช้ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คเป็นหลักในการทำงานมากกว่าคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเสียอีก  ทีนี้ถ้าเราเอาโน้ตบุ๊คมาหักครึ่ง เอาเฉพาะส่วนหน้าจอมาใช้งาน เอาคีย์บอร์ดทิ้งไป แล้วเปลี่ยนการพิมพ์บนคีย์บอร์ด มาพิมพ์บนหน้าจโยนเมาส์ทิ้งไป เปลี่ยนมาใช้นิ้วจิ้มบนหน้าจอแทน อะไรจะเกิดขึ้น
 เราก็จะได้ คอมพิวเตอร์แบบหน้าจอสัมผัสแบบพกพา ที่เราเรียกกันว่า Tablet PC ไงคะ
โดยพื้นฐานแล้ว Tablet PC ไม่มีอะไรแตกต่างจากคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค เพียงแต่ไม่มีคีย์บอร์ด ไม่มีเมาส์ เท่านั้นเอง เรายังใช้งานโปรแกรมใน Windows XP , Windows Vista ไม่ว่าจะเป็น โปรแกรมเวิร์ด เอ็กเซลล์ การใช้งานอินเตอร์เน็ต สามารถใช้งานได้เหมือนเดิมค่ะ  iPad เองก็จัดอยู่ในประเภท Tablet PC เช่นเดียวกัน การใช้งาน iPad จะไม่มีคีย์บอร์ด ไม่มีเมาส์ ทุกอย่างทำบนหน้าจอทั้งสิ้น มีรูปร่างสวยงาม น้ำหนักเบาพกพาได้ง่าย(680 กรัม)

ipadnumber

ทำไมต้องเป็น Tablet PC

  • ขนาดเล็ก พกพาสะดวก น้ำหนักเบา
  • แบตเตอรี่ทำงานได้ยาวนานกว่า
  • บางรุ่นสามารถหมุนหน้าจอได้ บางรุ่นสามารถแยกแป้นพิมพ์ออกจากกันได้
  • สามารถใช้ปากกาดิจิตอลสั่งงานได้
  • สามารถเขียนด้วยลายมือด้วยปากกาดิจิตอลและแปลงเป็นตัวอักษรได้อัตโนมัติ
  • Microsoft Office ก็มีรุ่นที่รองรับกับ Tablet PC โดยเฉพาะเช่นกัน
  • มีโปรแกรมเสริมอื่นๆ อีก ที่รองรับการใช้งาน Tablet PC
  • สะดวกและเหมาะสำหรับการนำเสนอ เพราะขนาดบางเบา แถมหมุนหน้าจอได้ระหว่างการนำเสนองาน

ipadphoto

http://www.sapaan.net/forum/computer-community/tablet-eaxi-tablet-pc-xiidaa/
http://www.it-guides.com/index.php/buying-guide/595-how-to-buy-tablet-pc

tablet PC

Tablet PC



Tablet PC
คือ     เครื่องคอมพิวเตอร์ ที่สามารถใช้ปากกาเขียนลงไปบนหน้าจอ ได้เลยนั่นเอง โดยจะต้องมีซอฟต์แวร์ที่ พัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อใช้ในเครื่อง

ความพยายามครั้งก่อนๆ ของการ พัฒนาเครื่องแบบ Tablet ต้องพบกับ ความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะตัว เครื่องใหญ่เทอะทะเกินกว่าจะพกพาสะดวก ความสามารถจำกัด และรับรู้ลายมือของ คนเขียนได้ไม่ดี แม้เครื่อง Tablet PC ที่ได้ Microsoft มาพัฒนาซอฟต์แวร์ให้เที่ยวนี้ จะปรับปรุงความสามารถในการรับรู้ลายมือ ของเจ้าของ และแปรสิ่งที่เจ้าของจดไว้บน หน้าจอด้วยลายมือให้กลายเป็น text สำหรับเก็บในเครื่องได้ดีขึ้น



iPad คือ Tablet PC ?

เรามาเริ่มกันที่ iPad คือ Tablet PC  ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ทุกคนคงรู้จักกันดี ตอนนี้เราใช้ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คเป็นหลักในการทำงานมากกว่าคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเสียอีก  ทีนี้ถ้าเราเอาโน้ตบุ๊คมาหักครึ่ง เอาเฉพาะส่วนหน้าจอมาใช้งาน เอาคีย์บอร์ดทิ้งไป แล้วเปลี่ยนการพิมพ์บนคีย์บอร์ด มาพิมพ์บนหน้าจโยนเมาส์ทิ้งไป เปลี่ยนมาใช้นิ้วจิ้มบนหน้าจอแทน อะไรจะเกิดขึ้น
 เราก็จะได้ คอมพิวเตอร์แบบหน้าจอสัมผัสแบบพกพา ที่เราเรียกกันว่า Tablet PC ไงคะ
โดยพื้นฐานแล้ว Tablet PC ไม่มีอะไรแตกต่างจากคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค เพียงแต่ไม่มีคีย์บอร์ด ไม่มีเมาส์ เท่านั้นเอง เรายังใช้งานโปรแกรมใน Windows XP , Windows Vista ไม่ว่าจะเป็น โปรแกรมเวิร์ด เอ็กเซลล์ การใช้งานอินเตอร์เน็ต สามารถใช้งานได้เหมือนเดิมค่ะ  iPad เองก็จัดอยู่ในประเภท Tablet PC เช่นเดียวกัน การใช้งาน iPad จะไม่มีคีย์บอร์ด ไม่มีเมาส์ ทุกอย่างทำบนหน้าจอทั้งสิ้น มีรูปร่างสวยงาม น้ำหนักเบาพกพาได้ง่าย(680 กรัม)

ipadnumber

ทำไมต้องเป็น Tablet PC

  • ขนาดเล็ก พกพาสะดวก น้ำหนักเบา
  • แบตเตอรี่ทำงานได้ยาวนานกว่า
  • บางรุ่นสามารถหมุนหน้าจอได้ บางรุ่นสามารถแยกแป้นพิมพ์ออกจากกันได้
  • สามารถใช้ปากกาดิจิตอลสั่งงานได้
  • สามารถเขียนด้วยลายมือด้วยปากกาดิจิตอลและแปลงเป็นตัวอักษรได้อัตโนมัติ
  • Microsoft Office ก็มีรุ่นที่รองรับกับ Tablet PC โดยเฉพาะเช่นกัน
  • มีโปรแกรมเสริมอื่นๆ อีก ที่รองรับการใช้งาน Tablet PC
  • สะดวกและเหมาะสำหรับการนำเสนอ เพราะขนาดบางเบา แถมหมุนหน้าจอได้ระหว่างการนำเสนองาน

ipadphoto

วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2553

องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์

องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์
ระบบคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ 5 ส่วนด้วยกัน คือ
องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์

  • ฮาร์ดแวร์ (Hardware)

    • หน่วยประมวลผลกลาง
      หน่วยประมวลผลกลางหรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า ซีพียู (CPU) เป็นหน่วยที่เปรียบเสมือนสมองของระบบคอมพิวเตอร์ และเป็นหน่วยที่มีความซับซ้อนที่สุด ส่วนประกอบต่าง ๆในหน่วยประมวลผลกลางเป็นตัวกำหนดความเร็วของเครื่องคอมพิวเตอร์ หน่วยประมวลผลกลางรุ่นใหม่ ๆ จะมีขนาดเล็กลงในขณะที่มีความเร็วเพิ่มขึ้น
      หน่วยประมวลผล นิยมเรียกว่า ซีพียู  ซึ่งย่อมาจาก Central Processing Unit : CPU บางครั้งเรียกว่า โปรเซสเชอร์

    • หน่วยความจำหลัก เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการจดจำข้อมูล และโปรแกรมต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ บางครั้งเรียกว่า หน่วยเก็บข้อมูลหลัก (Primary Storage)

ทำหน้าที่รับข้อมูลจากผู้ใช้เข้าสู่หน่วยความจำหลัก ปัจจุบันมีสื่อต่าง ๆ ให้เลือกใช้ได้มากมาย
หน้าที่รับคำสั่งจากอุปกรณ์ต่าง ๆ ส่งเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์
เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ต้องการ
เครื่องอ่านรหัส แท่ง (บาร์โค๊ด )
Bar Code
จอยสติก Joy stick
อุปกรณ์ต่อพ่วงสำหรับการเล่นเกมส์
แป้นพิมพ์ Keyboard
ทำหน้าที่รับข้อมูลเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์
เมาส์ Mouse
ทำหน้าที่ควบคุมลูกศร เพื่อเลือกโปรแกรม รับข้อมูลสั่งงาน
คอมพิวเตอร์
สแกนเนอร์ Scanner
ทำหน้าที่รับสัญญาณภาพและส่งข้อมูลเข้าเครื่อง
คอมพิวเตอร์
ไมโครโฟน Microphone
ทำหน้าที่รับสัญญาณเสียงและส่งข้อมูลเข้าเครื่อง
คอมพิวเตอร์

    • หน่วยแสดงผล คือ  ส่วนที่แสดงข้อมูล เป็นตัวกลางของการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์กับคน  โดยรับข้อมูลที่ประมวลผลแล้ว จากนั้นจึงแสดงผลในรูปแบบต่าง ๆ โดยอาศัยอุปกรณ์แสดงผล  อาจแสดงให้เห็นให้ได้ยินเสียง หรือบางครั้ง ก็สามารถสัมผัสได้
                                           
    • หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง ก่อนที่จะศึกษาว่าคอมพิวเตอร์เก็บข้อมูลได้อย่างไร จะต้องทราบก่อนว่าสื่อสำหรับเก็บข้อมูลนั้นมีอะไรบ้าง เนื่องจากคอมพิวเตอร์แปลงคำสั่งและข้อมูลต่าง ๆ เก็บไว้ในรูปของเลขฐานสองคือ 0 และ 1 ทั้งสิ้น โดยที่ตัวอักษร ตัวเลข และสัญลักษณ์พิเศษต่าง ๆ จะถูกแทนด้วยกลุ่มของเลขฐานสอง และเนื่องจากแรมเป็นหน่วยความจำที่ไม่ได้เก็บข้อมูลอย่างถาวร ถ้าปิดเครื่องหรือไฟดับข้อมูลก็จะหายไป ดังนั้นถ้าผู้ใช้มีข้อมูลอยู่ในแรมก็จะต้องทำการจัดเก็บข้อมูล โดยย้ายข้อมูลจากหน่วยความจำไปไว้ในหน่วยเก็บข้อมูลสำรอง เนื่องจากสามารถเก็บข้อมูลได้อย่างถาวรไม่มีการเปลี่ยนแปลงนอกจากผู้ใช้เป็นผู้สั่ง รวมทั้งสามารถเก็บข้อมูลจำนวนมาก ๆ ได้และที่สำคัญหน่วยเก็บข้อมูลสำรองจะมีราคาถูกมากเมื่อเทียบกับหน่วยความจำหลัก คอมพิวเตอร์ ที่นิยมใช้ในปัจจุบันจะมีหน่วยเก็บข้อมูลสำรองซึ่งสามารถเก็บข้อมูลได้จำนวนมาก ๆ ได้ แต่ความเร็วในการอ่านและบันทึกข้อมูลของหน่วยเก็บข้อมูลสำรองจะต่ำกว่าแรมมาก ดังนั้นจึงควรทำงานให้เสร็จก่อนจึงย้ายข้อมูลนั้นไปไว้ในหน่วยเก็บข้อมูลสำรอง

  • ซอฟต์แวร์ (Software) คอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ที่ประกอบออกมาจากโรงงานจะยังไม่สามารถทำงานใดๆ เนื่องจากต้องมี ซอฟต์แวร์ (Software) ซึ่งเป็นชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่สั่งให้ฮาร์ดแวร์ทำงานต่าง ๆ ตามต้องการ โดยชุดคำสั่งหรือโปรแกรมนั้นจะเขียนขึ้นมาจาก ภาษาคอมพิวเตอร์ (Programming Language) ภาษาใดภาษาหนึ่ง และมี โปรแกรมเมอร์ (Programmer) หรือนักเขียนโปรแกรมเป็นผู้ใช้ภาษาคอมพิวเตอร์เหล่านั้นเขียนซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ขึ้นมา
    ซอฟต์แวร์ สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆคือ
    • ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software )
    • ซอฟต์แวร์ประยุกต์ ( Application Software )
ซอฟต์แวร์ระบบ โดยส่วนมากแล้วจะติดตั้งมากับเครื่องคอมพิวเตอร์เนื่องจากซอฟต์แวร์ระบบเป็นส่วนควบคุมทำงานต่าง ๆ ของคอมพิวเตอร์ เพื่อให้สามารถเริ่มต้นการทำงานอื่น ๆ ที่ผู้ใช้ต้องการได้ต่อไป ส่วน ซอฟต์แวร์ประยุกต์ จะเป็นซอฟต์แวร์ที่เน้นในการช่วยการทำงานต่าง ๆ ให้กับผู้ใช้ ซึ่งแตกต่างกันไปตามความต้องการของผู้ใช้แต่ละคน
ซอฟต์แวร์ในระบบไมโครคอมพิวเตอร์

  • บุคลากร (Peopleware) เครื่องคอมพิวเตอร์โดยมากต้องใช้บุคลากรสั่งให้เครื่องทำงาน เรียกบุคลากรเหล่านี้ว่า ผู้ใช้ หรือ ยูเซอร์ (user) แต่ก็มีบางชนิดที่สามารถทำงานได้เองโดยไม่ต้องใช้ผู้ควบคุม อย่างไรก็ตาม คอมพิวเตอร์ก็ยังคงต้องถูกออกแบบหรือดูแลรักษาโดยมนุษย์เสมอ
    ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ (computer user) แบ่งได้เป็นหลายระดับ เพราะผู้ใช้คอมพิวเตอร์บางส่วนก็ทำงานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่บางส่วนก็พยายามศึกษาโปรแกรมประยุกต์ในขั้นที่สูงขึ้น ทำให้มีความชำนาญในการใช้โปรแกรมประยุกต์ต่าง ๆ นิยมเรียกกลุ่มนี้ว่า เพาเวอร์ยูสเซอร์ (power user)
    ผู้เชี่ยวชาญทางด้านคอมพิวเตอร์ (computer professional) หมายถึงผู้ที่ได้ศึกษาวิชาการทางด้านคอมพิวเตอร์ ทั้งในระดับกลางและระดับสูง ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้จะนำความรู้ที่ได้ศึกษามาประยุกต์และพัฒนาใช้งาน และประสิทธิภาพของระบบคอมพิวเตอร์ให้ทำงานในขั้นสูงขึ้นไปได้อีก นักเขียนโปรแกรม (programmer) ก็ถือว่าเป็นผู้เชียวชาญทางคอมพิวเตอร์เช่นกัน เพราะสามารถสร้างโปรแกรมใหม่ ๆ ได้ และเป็นเส้นทางหนึ่งที่จะนำไปสู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญทางคอมพิวเตอร์ต่อไป
    บุคลากรก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบคอมพิวเตอร์ เพราะมีความเกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่การพัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์ ตลอดจนถึงการนำคอมพิวเตอร์มาใช้งานต่าง ๆ ซึ่งสามารถสรุปลักษณะงานได้ดังนี้
  • ข้อมูลและสารสนเทศ (Data / Information) ในการทำงานต่าง ๆ จะต้องมีข้อมูลเกิดขึ้นตลอดเวลา ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับงานที่ถูกเก็บรวบรวมมาประมวลผล เพื่อให้ได้สารสนเทศที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ ซึ้งในปัจจุบันมีการนำเอาระบบคอมพิวเตอร์มาเป็นข้อมูลในการดัดแปลงข้อมูลให้ได้ประสิทธิภาพโดยแตกต่างๆระหว่าง ข้อมูล และ สารสนเทศ คือ
    ข้อมูล คือ ได้จากการสำรวจจริง แต่ สารสนเทศ คือ ได้จากข้อมูลไม่ผ่านกระบวนการหนึ่งก่อน

สารสนเทศเป็นสิ่งที่ผู้บริหาารนำไปใช้ช่วยในการตัดสินใจ โดยที่สารสนเทศที่มีประโยชน์นั้นจะมีคุณสมบัติ ดังตาราง  
  • กระบวนการทำงาน (Procedure)
กระบวนการทำงานหรือโพรซีเยอร์ หมายถึง ขั้นตอนที่ผู้ใช้จะต้องทำตาม เพื่อให้ได้งานเฉพาะอย่างจากคอมพิวเตอร์ซึ่งผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทุกคนต้องรู้การทำงานพื้นฐานของเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อที่จะสามารถใช้งานได้อย่างถูกต้อง ตัวอย่างเช่น การใช้เครื่อง ฝาก-ถอนเงินอัตโนมัติ ถ้าต้องการถอนเงินจะต้องผ่านกระบวนการต่าง ๆ ดังนี้
  1. จอภาพแสดงข้อความเตรียมพร้อมที่จะทำงาน
  2. สอดบัตร และพิมพ์รหัสผู้ใช้
  3. เลือกรายการ
  4. ใส่จำนวนเงินที่ต้องการ
  5. รับเงิน
  6. รับใบบันทึกรายการ และบัตร
การใช้คอมพิวเตอร์ปฏิบัติงานในส่วนต่าง ๆ นั้นมักจะมีขั้นตอนที่สลับซับซ้อน และเกี่ยวข้องกับช่วงเวลาต่าง ๆ ในการปฏิบัติงานด้วย จึงต้องมีคู่มือการปฏิบัติงานที่ชัดเจน เช่น คู่มือสำหรับผู้ควบคุมเครื่อง (Operation Manual) คู่มือสำหรับผู้ใช้ (User Manual) เป็นต้น

วันพุธที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2553

Lock Folder XP 3.6 : โปรแกรมล็อคโฟลเดอร์

Lock Folder XP 3.6 : โปรแกรมล็อคโฟลเดอร์สุดเจ๋ง ล็อคได้ทั้งไดรฟ์เลยเอาโปรแกรมล็อคโฟลเดอร์มาให้ลองใช้กันครับ สามารถเลือกออพชั่นการล้อคได้แบบหลากหลาย ทั้งแบบไฟล์ แบบโฟลเดอร์ และแบบทั้งไดรฟ์

สำหรับวิธีการลง และวิธีการใช้งาน มีคู่มือให้เรียบร้อยแล้วครับ สำหรับข้อแตกต่าง ผมจะบอกว่า โปรแกรมอื่นๆนั้นจะทำการสร้างพื้นที่(โฟลเดอร์)ขึ้น แล้วให้เราเอาไฟล์มาเก็บในนั้น ถึงจะซ่อนได้ สรุปคือ ซ่อนแค่โฟลเดอร์นั้นๆ โฟลเดอร์เดียว(โฟลเดอร์ของโปรแกรม) ซึ่งปัญหาคือ ถ้าเราต้องการซ่อนไฟล์ใหญ่มาก เราต้องเสียเวลาก็อปปี้ไปๆมาๆ

แต่สำหรับโปรแกรมตัวนี้ เราไม่จำเป็นต้องย้ายไฟล์มาไว้ในโฟลเดอร์ที่โปรแกรมสร้างขึ้น แต่ตัวโปรแกรม จะไปล็อคไฟล์หรือโฟลเดอร์นั้นๆแทน เช่น ผมล็อค โฟลเดอร์ในไดรฟ์ซี และอีกโฟลเดอร์ในไดรฟ์ดี ได้พร้อมกันเลย

โดยที่เราไม่ต้องก็อปปี้มาวางในโฟลเดอร์ใด เพียงแค่เราเลือกโฟลเดอร์ที่จะล็อค และกดล็อค แค่นั้น และเมื่อเราเลิกล็อค โฟลเดอร์นั้นก็จะกลับไปอยู่ที่เดิมของมัน

download Lock Folder XP 3.6

คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลด

มาพร้อมแครกเรียบร้อยแล้วครับ อินเตอร์เฟซใช้งานง่าย และ สวย รวมทั้งขนาดโปรแกรมเล็กๆ ลองโหลดไปใช้กันครับ




เมื่อเราคลิกไอคอนโปรแกรม จะปรากฎหน้าต่างให้เรากรอกพาสเวิร์ด จากนั้นคลิกที่ปุ่ม โพรเท็ค แล้วเลือกชนิดของการป้องกัน เช่นป้องกันทั้ง ไดรฟ ป้องกัน แค่โฟลเดอร์ หรือป้องกันเป็นไฟล์



ในกรณีนี้ผมเลือกป้องกันเป็นโฟลเดอร์ เมื่อเลือกแล้วหน้าต่างโปรแกรมจะให้เราเลือกว่า จะป้องกันโฟลเดอร์ไหน ผมเลือก my picture



จากนั้นรายชื่อของโฟลเดอรืก็จะปรากฎในหน้าต่างของโปรแกรม เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อย ให้สังเกต ไอคอนรูปกุญแจ หากเราไปคลิกไฟล์ไหนในลิสต์รายการแล้ว ขึ้นว่า Locked หมายถึงล็อคโฟลเดอร์แล้ว แต่อันไหนขึ้นว่า Unlocked คือ ยังไม่ได้ล็อค และเมื่อเราเข้าไปหาโฟลเดอร์ที่เราล็อคไว้เราจะหาไม่พบ เพราะโฟลเดอร์นั้นจะถูกโปรแกรมป้องกันไว้ ต้องไปสั่งปลดล็อคในโปรแกรมก่อน ซึ่งเราจะมีพาสเวิร์ดที่จะเข้าไปสั่งปลดล็อคเพียงคนเดียว





ซึ่งถ้าเราจะปลดล้อคก็เพียงแค่ เลือกชื่อโฟลเดอร์ในลิสต์ของโปรแกรม แล้วกดปุ่ม Locked ให้กลายเป็น Unlocked เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อย
เมือ่เราใช้งานโฟลเดอร์นั้นแล้ว ก็อย่าลืม กลับมาสั่งล็อคไว้เหมือนเดิมละครับ ด้วยวิธีการเหมือนเดิมคือ เลือกโฟลเดอร์ แล้วกดปุ่ม Unlocked ให้กลายเป็น Locked



หรือหากเราต้องการลบรายการโพรเท็คออกจากระบบการป้องกัน ก้เพียงแค่คลิกเลือกชื่อโฟลเดอร์ แล้วเลือกกดปุ่ม รีมูฟ แค่นั้นครับ โฟลเดอร์นั้น ก็จะกลับมาอยู่ในระบบการทำงานแบบปกติ